วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

รักษาสีรถให้ถูกวิธี


รักษาสีรถให้ถูกวิธี อาบน้ำประแป้งแต่งตัวให้รถคันเก่งกันดีกว่า



พอ พูดถึงเรื่องการขัดสีรถก็อาจจะมีหลายท่านที่ทำหน้าเบื่อ ๆ เพราะกิจกรรมนี้มันค่อนข้างจะต้องใช้ทั้งเวลาและแรงงานกันมากพอดู แต่ทราบกันหรือไม่ว่าการลงทุนเสียเวลาเสียแรงในการขัดสีรถนั้นพอเทียบกับ ความเงางามและความทนทานของสีรถที่ได้รับถือว่าคุ้มค่ามาก เนื่องจากไม่ได้ต้องขัดกันทุกวันทุกสัปดาห์หรือทุกเดือนเพียงแค่ 3 เดือนต่อครั้งเท่านั้น สีรถก็จะดูดีแวววาวสวยงามและเหมือนรถใหม่เสมอ


ที่ นี้การจะเลือกใช้น้ำยาขัดเคลือบสีรถของยี่ห้อไหนหรือผลิตภัณฑ์ของใครนั้น สมควรอย่างยิ่งที่เจ้าของรถจะต้องทำความรู้จักคุณสมบัติเฉพาะตัวของสินค้า ยี่ห้อนั้น ๆ เอาไว้ด้วย อย่างน้อยไอ้ตัวหนังสือที่เขาพิมพ์ไว้ข้างกระป๋องนั่นน่ะ ถ้าตั้งใจอ่านก็พอจะได้ความรู้อยู่บ้าง



ควรเล่นให้ครบทุกกระบวนท่า


การ ขัดเคลือบสีรถนั้นไม่ใช่ขึ้นต้นมาก็ลงมือขัด ๆๆๆๆ กันเลย เพราะถ้าหากต้องการให้สีรถออกมาดูดีที่สุดก็ควรจะต้องทำให้ครบทุกขั้นตอน เนื่องจากกระบวนการในการขัดสีรถจะต้องเริ่มตั้งแต่การขจัดเศษฝุ่นละอองไปจน ถึงการเคลือบป้องกันรังสี UV กันเลย


กระบวน การหรือกรรมวิธีเคลือบสีนี้จะแบ่งออกเป็นขั้นตอนต่าง ๆ ได้หลายขั้นซึ่งหากคุณใช้วิธีขับรถไปเข้าคาร์แคร์ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาจะจัดการให้เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง (ยกเว้นเรื่องจ่ายเงิน คุณต้องทำเอง) แต่ถ้าไปเข้าร้านที่ไม่ค่อยลงทุนสักเท่าไหร่ ขั้นตอนต่าง ๆ ก็จะถูก หด ลงไป รวมทั้งคุณภาพของตัวน้ำยาที่ใช้ก็เป็นเกรดธรรมดา หรือต่ำกว่าธรรมดา (เพราะต้องการดึงราคาค่าบริการให้ต่ำลงจนดึงดูดความสนใจ) บางทีแทนที่จะเป็นการรักษาสีรถก็กลายเป็นทำลายสีรถไปเลย จึงอยากแนะนำให้เดินหาซื้อมาด้วยตนเองจะดีที่สุดเพราะเราสามารถเลือกระดับ คุณภาพของตัวน้ำยาเหล่านี้ได้


ข้อ ควรคำนึง คือ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้าง ขึ้นผึ้งและครีมขัดในทุกขั้นตอน สาเหตุหนึ่งที่บอกว่าควรใช้ยี่ห้อเดียวกันก็เพราะสารประกอบที่ใช้ใน ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกันนั้นจะไม่ขัดกันเองเหมือนกับการนำของต่างยี่ห้อมา ใช้งานร่วมกันซึ่งบางครั้งสารเคมีที่ใช้อาจจะเป็นคนละตัวกันและมีฤทธิ์หัก ล้างซึ่งกันและกัน


มา เริ่มต้นที่กระบวนการขัดเคลือบสีรถกันดีกว่า ขั้นแรกคือการเลือกซื้อน้ำยาให้ครบชุด ซึ่งจะประกอบด้วย น้ำยาล้างรถชนิดที่เป็นแชมพู บางคนอาจจบอกใช้แชมพูสระผมก็ได้ อันนั้นเป็นความคิดที่ผิด อย่าไปเอาอย่างพวกล้างแท็กซี่เลย รถเราราคาตั้งหลายแสนหลายล้านแล้วก็ไม่ใช่รถสาธารณะด้วย ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ ? จะบอกให้ว่า ตัวสูตรผสมของแชมพูทั้งสองชนิดนั้นจะมีพื้นฐานเดียวกันคือ จะมีสารที่ทำให้เกิดฟองเหมือนกันแต่ความแตกต่างอยู่ตรงที่ตัวทำความสะอาด ชนิดที่ไม่ทำอันตรายแก่สีรถแล้วยังต้องช่วยรักษาความเงาของเนื้อสีเอาไว้ให้ ได้ด้วย นั้นคือ คุณสมบัติที่รถยนต์ต้องการ ส่วนสำหรับเส้นผมเขาก็ต้องผสมสารต่าง ๆ มาให้เพื่อใช้กับเส้นผมโดยเฉพาะ ซึ่งสารพวกนั้นสีรถไม่ต้องการใช้ไปนาน ๆ เข้าสีรถจะเริ่มด้านขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน


เริ่ม ต้นขั้นตอนกันตั้งแต่การทำความสะอาดรถเสียก่อน โดยใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นผงต่าง ๆ ออกเป็นอันดับแรกด้วยวิธีปัดไล่ไปทางเดียวตรง ๆ อย่าปัดย้อนไปมาเด็ดขาดเพราะจะเท่ากับพาเอาฝุ่นผงกลับมาที่เดิม แถมเป็นการขัดสี (ให้เป็นรอย) ไปอีกด้วย


จากนั้นให้ใช้น้ำยาล้างรถผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วนที่เขากำหนดเอาไว้ ซึ่งปกติก็จะอยู่ประมาณ ฝาต่อ 1 แกลลอน (คิดแบบไทย ๆ ก็ 1 ฝาต่อน้ำ 1 ถัง) สำหรับรถขนาดเล็ก และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามขนาดของตัวรถที่โตขึ้น การล้างรถที่ให้ผลดีที่สุดจะต้องใช้ฟองน้ำ 2 แผ่น หลังจากฉีดน้ำเปลา เพื่อล้างฝุ่นไปรอบหนึ่งแล้ว ให้เอาฟองน้ำแผ่นแรกล้างส่วนบนของตัวรถตั้งแต่หลังคาไล่ลงมาถึงประมาณส่วน กลางของตัวรถ ล้างให้รอบคันเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนฟองน้ำอันใหม่มาจัดการล้างส่วนด้านล่างต่อ ให้จบ เหตุที่ต้องให้เปลี่ยนฟองน้ำถึง 2 อันก็เพราะว่าอันแรกจะล้างส่วนบนที่ไม่ค่อยจะมีเศษฝุ่นทรายแต่ส่วนล่างจะมี ฝุ่นทรายมาก หากใช้แผ่นเดียวแล้วพอนำเอามาล้างครั้งต่อไปเศษฝุ่นทรายที่ตกค้างอยู่ในฟอน น้ำจะออกมาถูกับสีให้เป็นรอยตามมาได้อีก หลังจากล้างด้วยฟองน้ำจนทั่วทุกส่วนแล้วจึงใช้น้ำสะอาดล้างฟองออกให้หมด แล้วใช้ผ้าสะอาด ๆ มาเช็ดน้ำที่ตกค้างออกให้แห้ง (ถ้าได้พวกชามัวร์มาเช็ดก็จะทำงานง่ายขึ้นเพราะผ้าชามัวส์นั้นสามารถจะซับ น้ำออกได้เร็วกว่าผ้าธรรมดา)



ด่านสองต้องครีม


การขจัดริ้วรอยเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ลึกมาก อย่างที่เรียกกันว่า ขนแมวออก จะต้องใช้ยาขัดที่มีลักษณะคล้ายกับยาขัดสีของพวกอู่สีเขาแต่ต้องมีเนื้อ ละเอียดมากกว่าจะได้ไม่เกิดรอยใหม่ขึ้นมาแทนที่ของเดิม ครีมที่ใช้นี้จะเป็นครีมสูตรเดียวกับของวงการเครื่องประดับที่เขาใช้ขัดรอย ขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ออก


เมื่อ สำรวจตรวจหารอยจนครบแล้ว หากต้องการจะขัดออกก็ให้ใช้ครีมชนิดนี้พร้อมกับผ้าสำลี (ใช้งานดีที่สุด) มาขัดเบา ๆ ตามแนวของรอยขีดนั้น ๆ ไม่ต้องออกแรงมากมายเหมือนซักรองเท้าผ้าใบ แล้วเราก็จะเห็นว่ารอยขึดข่วนเล็ก ๆ เหลือน้อยลงหรือหายไปเลย ลบรอยกันแล้วก็มาถึงการขัดสีด้วยครีมขั้นตอนแรกกัน ครีมที่ใช้จะเป็นแบบที่ผสมด้วย น้ำมันคาร์นูบา เพื่อใช้สำหรับขัดทำความสะอาด ขจัดคราบสกปรก และคราบสนิมรวมทั้งคราบเขม่าจากท่อไอเสีย (รถบางรุ่นจะโดนเขม่าจากท่อไอเสียเป็นปกติจากโรงงานเลย) วิธีการขัดให้ใช้ฟองน้ำหรือผ้าแตะน้ำยาเล็กน้อยทาในลักษณะวน ๆ ให้เป็นก้นหอยให้ทั้วทั้งคัน ครบทุกส่วนที่เป็นสีก็พอดีกับจุดที่เราเริ่มทายาขัดแห้งใช้การได้พอดีแล้ว


ขั้น ตอนนี้ยากที่สุดเนื่องจากการขัดสีรอบนี้จะต้องออกแรงมากพอสมควรเพื่อปรับ สภาพพื้นผิวให้เรียบขึ้นและยังต้องกำจัดเอาเศษคราบสกปรกที่ฝังติดแน่นออกให้ หมด (ไอ้เจ้าเศษสิ่งสกปรกที่ติดมานั้น ส่วนใหญ่ก็จะมาจากเศษน้ำมันปนกับเขม่าควันและฝุ่นละอองในทุกแห่งที่รถของเรา ผ่านไปนั้นเอง ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงเสียด้วย) และในทันทีที่ออกแรงขัดออกหมดแล้วก็จะเห็นว่าสีของรถคุณเริ่มขึ้นเงาและ ผิวสีจะลื่นขึ้นจนสังเกตได่



ด่านสามอุดและเคลือบ


หวัง ว่าคงยังไม่เหนื่อยกันนัก .. มาเริ่มต้นขั้นตอนต่อไปเลยดีกว่า หลังจากที่เราจัดการกับรอยขนแมวและคราบสิ่งสกปรกบนพื้นผิวเสร็จไปอีกหนึ่ง ขั้นตอนแล้วถึงตรงนี้ถ้าหากปล่อยเอาไว้อย่างนั้นไม่ลงมือขั้นต่อไปก็จะเท่า กับเราได้ขัดสีรถแล้วปล่อยเอาไว้เฉย ๆ เมื่อนำรถออกไปใช้งาน บรรดาสิ่งสกปรกต่าง ๆ ในบรรยากาศก็จะเข้ามาเกาะติดกับสีรถได้อีก ดังนั้น เพื่อให้การขัดสีครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจึงจำเป็จะต้องขัดด้วยครีมหรือขึ้ผิ้ง เคลือบสีอีกรอบหนึ่ง


ใน ขั้นตอนการเคลือบสีนี้เราสามารถจะเลือกใช้ได้ทั้งแบบครีมและขึ้ผิ้งเนื่อง จากทั้งสองชนิดทำจากเรซิ่นที่มีความหนืดสูง และมีความไวต่ออากาศ พร้อมด้วยส่วนประกอบของสารเทฟล่อน สุดท้ายก็จะเป็นสารสำหรับชักเงาทำให้การขัดสีง่ายขึ้น


เรา สามารถแยกคุณสมบัติต่าง ๆ ของสารที่เติมเข้าไปมาได้คร่าว ๆ ดังนี้ เรซิ่นพิเศษที่ผสมอยู่นี้จะยึดติดกับผิวสี ช่วยอุดลบร่องรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ทำให้สีรถดูเรียบ เป็นเงา และกลายเป็นผิวเคลือบที่เป็นเงาใส ๆ เพิ่มความเงางามให้กับสีรถได้อีกส่วนหนึ่ง และสารเทฟล่อนจะทำหน้าที่ช่วยให้เกิดความลื่น เคลือบสีให้เกิดความคงทนยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยป้องกันสีรถจากการกัดกร่อนของพวกกรดหรือด่างในน้ำในขี้นกในยาง ไม่ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย จุดเด่นอีกประการหนึ่ง คือ สามารถป้องกันรังสี UV (Ultra violet) อันเป็นตัวการทำลายสีรถให้ซีดจางได้ด้วย


กรรมวิธี การขัดให้ทำเช่นเดียวกับที่ลงมือไปเมื่อรอบที่แล้วคือ ใช้ฟองน้ำที่มีมาอยู่ในกล่องแตะครีมหรือขี้ผึ้งเล็กน้อยค่อย ๆ วน ๆ เป็นก้นหอย ทาให้ทั่วทั้งคัน จากนั้นจึงใช้ผ้าสำลีสะอาด ๆ มาเช็ดออกอีกทีหนึ่ง งานรอบนี้จะเบาแรงขึ้นพอสมควรที่เยวเพราะเศษสิ่งสกปรกถูกกำจัดออกไปแล้ว ครั้งหนึ่ง



ขั้นตอนสุดท้าย


งาน ขัดเคลือบสีในขั้นตอนสุดท้ายนี้จะเป็นการเคลือบเงาปิดท้ายอีกชั้นหนึ่งเพราะ ขึ้นผิ้งตัวสุดท้ายนี้จะมีคุณสมบัติในการป้องกันผิวสีให้มีความคงทน เงางามเป็นประกาย และยังช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด ไม่ให้ทำอันตรายต่อสีรถได้อีกระดับหนึ่งที่เหนือไปกว่าขั้นที่แล้ว (เรียกว่าชัวร์กันไปเลย)


กระบวน การขัดครีมขั้นสุดท้ายนี้ จะเป็นขั้นตอนที่เบาแรงขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพราะขึ้ผิ้งตัวนี้เราจะใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ค่อย ๆ ขัดเบา ๆ เป็นก้นหอยให้ทั่ว แล้วเช็ดออกด้วยผ้าสำลีสะอาด ๆ เพียงเท่านี้สีรถที่เคยหม่นหมองก็จะกลับมาเงาวับในทันที


ขอ เดือนเอาไว้สักหน่อยว่า การทำงานทั้งหมดนี้จะต้องปฏิบัติในร่มในเงาของหลังคาเท่านั้น หากไปเล่นขัดสีกันกลางแสงแดดจะทำให้ยาขัดแห้งไม่เท่ากัน และเห็นผล (ร้าย) ได้ตอนที่เมื่อเช็ดออกแล้วสีจะเงาไม่เสมอกัน นอกจานั้นยังทำให้ระยะเวลาที่น้ำยาจะทำปฏิกิริยากับผิวสีมีน้อยลงซึ่งเป็น เรื่องสำคัญพอสมควร เราสามารถทำเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ แต่การขัดและเคลือบสีนั้น ไม่จำเป็นจะต้องทำทุกครั้งที่ล้างก็ได้เพราะเมื่อขัดและเคลือบครั้งหนึ่ง แล้วจะมีอายุยืนยาวไปได้ถึงประมาณ 6 เดือน...........




2 ความคิดเห็น:

Baiboa กล่าวว่า...

ปรับปรุงเรื่องขนาดตัวหนังสือหน่อยนะ มันเล็กเกิน ขี้เกียจเล็ง

tum_ins กล่าวว่า...

พอดีอันนั้นลืมเช็คอ่ะ